ไม้กวาด แบบไหนไม่เก็บฝุ่น?

ไม้กวาด

เคยไหม…กวาดบ้านเสร็จแต่ฝุ่นฟุ้งเต็มอากาศ เหมือนทำความสะอาดแล้วสกปรกกว่าเดิม! จริง ๆ แล้วปัญหานี้ไม่ได้อยู่ที่เรากวาดไม่เก่ง แต่อยู่ที่ “ไม้กวาด” ต่างหาก เพราะไม้กวาดบางแบบมันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเก็บฝุ่นละเอียดโดยเฉพาะ

บทความนี้จะพาไปดูว่า ไม้กวาดแบบไหนที่ไม่เก็บฝุ่น กวาดแล้วฝุ่นไม่ฟุ้ง กวาดทีเดียวจบแบบคลีน ๆ พร้อมแนะนำวิธีเลือกไม้กวาดให้เหมาะกับบ้านด้วย

ไม้กวาดทางมะพร้าว – ตัวดีของเศษใหญ่ แต่ไม่ใช่สายเก็บฝุ่น

ไม้กวาดทางมะพร้าวคือของคลาสสิกที่แทบทุกบ้านต้องมี มันเหมาะกับการกวาดใบไม้ กวาดเศษขยะชิ้นใหญ่ ๆ หรือฝุ่นหยาบ ๆ เช่นทราย เส้นผม เศษกระดาษ แต่ข้อเสียคือเส้นทางมะพร้าวค่อนข้างแข็ง ไม่สามารถกวาดฝุ่นละเอียดได้ดี แถมเวลาใช้ในบ้าน ฝุ่นจะฟุ้งขึ้นเพราะแรงปัดของขนไม้กวาดแรงเกินไป

อีกอย่างคือ “ไม้กวาดทางมะพร้าวเก็บฝุ่นไม่อยู่” เพราะเส้นมันไม่มีไฟฟ้าสถิต ทำให้ฝุ่นที่กวาดไปกระจายมากกว่าเกาะติด ดังนั้นถ้าใครหวังจะกวาดห้องนอนหรือพื้นห้องปิด ๆ ด้วยไม้กวาดแบบนี้ บอกเลยว่าไม่แนะนำ เพราะสุดท้ายจะต้องหยิบผ้าเช็ดตามอยู่ดี

ไม้กวาดดอกหญ้า – ตัวเบา กวาดฝุ่นละเอียดได้ดีกว่าเดิม

ไม้กวาดดอกหญ้าเป็นตัวเลือกยอดนิยมในบ้านยุคนี้ เพราะขนมันนุ่มกว่าและแน่นกว่าไม้กวาดทางมะพร้าว เวลากวาดจะไม่ทำให้ฝุ่นฟุ้งเท่า แถมยังเก็บฝุ่นละเอียดได้พอสมควร แต่ก็ยังมีข้อเสียคือ “ขนไม้กวาดสั้นและหลวมเมื่อใช้ไปนาน ๆ” ทำให้ประสิทธิภาพในการเก็บฝุ่นลดลง

ไม้กวาดดอกหญ้าที่ดีจะต้องมี “ขนแน่น เส้นไม่แตกปลาย และมีปลอกพลาสติกหุ้มตรงโคน” เพื่อกันฝุ่นลอด และช่วยยืดอายุการใช้งาน แนะนำให้ใช้ในห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือพื้นที่ที่ไม่มีฝุ่นเยอะมาก แต่ไม่เหมาะกับพื้นเปียกหรือพื้นที่ภายนอก

ไม้กวาดพลาสติก – เบา ไม่อมฝุ่น ทำความสะอาดง่าย

ไม้กวาดพลาสติกถือเป็นอีกหนึ่งไม้กวาดรุ่นใหม่ที่ได้รับความนิยม เพราะทำจากเส้นไนลอนหรือพลาสติกคุณภาพดี เส้นขนไม่อมฝุ่น ไม่เก็บกลิ่น และไม่บานง่าย เหมาะมากกับคนแพ้ฝุ่นหรืออยู่คอนโด พื้นไม้ พื้นกระเบื้อง เพราะเส้นขนมีความยืดหยุ่นดี สามารถกวาดฝุ่นละเอียดได้โดยไม่ทำให้ฝุ่นฟุ้ง

จุดเด่นอีกอย่างคือ “ทำความสะอาดง่าย” แค่ล้างน้ำก็ออกหมด ไม่มีฝุ่นค้างเหมือนไม้กวาดทางมะพร้าว ที่สำคัญบางรุ่นออกแบบให้มีขนไฟฟ้าสถิตเล็กน้อย ทำให้ดูดฝุ่นติดเข้ามาได้ง่ายขึ้น เรียกว่าเป็นไม้กวาดที่ทั้งเบา ทั้งสะอาด และไม่ต้องกังวลเรื่องฝุ่นกลับมาเกาะอีก

ไม้กวาดไฟฟ้าสถิต – ตัวท็อปสายสะอาด ไม่ฟุ้งแน่นอน

ถ้าพูดถึง “ไม้กวาดที่ไม่เก็บฝุ่น” ตัวจริง ต้องยกให้ไม้กวาดไฟฟ้าสถิตเลย เพราะหลักการทำงานคือใช้ไฟฟ้าสถิตช่วยดูดฝุ่น เส้นผม และขนสัตว์ให้ติดกับผ้าไฟฟ้าสถิตโดยตรง ไม่ต้องกวาดแรง ไม่ต้องฟุ้ง เวลากวาดพื้นเรียบ ๆ เช่นพื้นไม้ ลามิเนต หรือห้องนอน จะรู้สึกสะอาดจริงแบบไม่ต้องซ้ำ

ข้อดีคือไม่ต้องออกแรงเยอะ แถมไม่มีเสียงดังเหมือนเครื่องดูดฝุ่น เหมาะกับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงหรือคนเป็นภูมิแพ้ ส่วนข้อเสียคือ ต้องคอยเปลี่ยนแผ่นผ้าไฟฟ้าสถิตเมื่อใช้ไปหลายครั้ง ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเล็กน้อย แต่ถ้าใครชอบความสะอาดและความง่าย ถือว่าคุ้มมาก

ไม้กวาดยางซิลิโคน – ตัวใหม่มาแรงที่ไม่อมฝุ่นเลย

ไม้กวาดซิลิโคนกำลังมาแรงในช่วงหลัง ๆ เพราะเป็นวัสดุที่ “ไม่อมฝุ่น ไม่สะสมแบคทีเรีย” เส้นขนทำจากซิลิโคนอ่อนที่ยืดหยุ่นได้ดี กวาดฝุ่นได้สะอาดโดยไม่ฟุ้ง แถมยังใช้กวาดน้ำหรือขนสัตว์ได้อีกด้วย จุดเด่นคือสามารถล้างน้ำได้ทันทีโดยไม่ขึ้นรา ไม่อับ ไม่เก็บกลิ่น

ไม้กวาดซิลิโคนเหมาะกับบ้านยุคใหม่ โดยเฉพาะบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงหรือพื้นเงา เช่นห้องครัว ห้องน้ำ หรือพื้นลามิเนต เพราะขนไม่ทำให้พื้นเป็นรอย และสามารถใช้คู่กับไม้ถูพื้นได้ดีมาก เรียกว่าเป็นตัวอเนกประสงค์ที่ทั้งสะอาดและปลอดฝุ่นจริง ๆ

ไม้กวาด 2in1 (กวาด + ถูในตัว) – สำหรับสายขี้เกียจแต่รักความสะอาด

ใครที่ไม่อยากกวาดแล้วต้องถูซ้ำ “ไม้กวาด 2in1” คือทางออกสุดคูล รุ่นนี้จะมาพร้อมผ้าไมโครไฟเบอร์หรือแผ่นถูติดอยู่ที่ปลาย ทำให้สามารถเก็บฝุ่นพร้อมเช็ดได้ในคราวเดียว ฝุ่นไม่ฟุ้ง เพราะผ้าจะดูดฝุ่นละเอียดเก็บไว้กับตัวผ้าเลย

ข้อดีคือประหยัดเวลา ไม่ต้องถืออุปกรณ์หลายชิ้น และไม่ต้องกลัวฝุ่นฟุ้งทั่วบ้าน เหมาะกับพื้นที่เล็ก ๆ อย่างคอนโดหรือห้องนอนที่ไม่ต้องทำความสะอาดหนัก ๆ ทุกวัน แต่ข้อเสียคือ ถ้าผ้าเปียกมากไปอาจทำให้ฝุ่นติดไม่หมด และต้องซักบ่อยเพื่อไม่ให้มีกลิ่นอับ

เคล็ดลับเลือกไม้กวาดไม่ให้เก็บฝุ่น

  1. ดูวัสดุขนไม้กวาด – หลีกเลี่ยงวัสดุที่เป็นเส้นแข็งหรือหยาบ เพราะจะกวาดฝุ่นแล้วฟุ้ง เช่น ทางมะพร้าว ให้เลือกเส้นนุ่มแน่น เช่น พลาสติก นาโน หรือซิลิโคนแทน
  2. ขนไม้กวาดต้องแน่นและเรียงสม่ำเสมอ – ช่วยให้ฝุ่นไม่ลอดออกระหว่างช่องขนไม้กวาด
  3. เลือกด้ามจับเบาและยาวพอดีตัว – จะช่วยให้กวาดได้ทั่วถึงโดยไม่ต้องก้มเยอะ ลดแรงฟุ้งตอนกวาด
  4. ใช้ที่ตักฝุ่นแบบขอบแนบพื้น – ฝุ่นจะไม่เล็ดลอดและเก็บได้ครบ
  5. หมั่นทำความสะอาดไม้กวาดเอง – ล้างน้ำหรือเขย่าฝุ่นออกบ้าง เพราะไม้กวาดที่สกปรกจะกลายเป็นแหล่งเก็บฝุ่นโดยไม่รู้ตัว

สรุป ไม้กวาดแบบไหนไม่เก็บฝุ่น?

คำตอบคือ “ไม้กวาดที่ขนไม่อมฝุ่นและมีไฟฟ้าสถิต” เช่น ไม้กวาดพลาสติก ไม้กวาดซิลิโคน หรือไม้กวาดไฟฟ้าสถิต นี่แหละคือพระเอกของคนรักความสะอาด เพราะกวาดแล้วฝุ่นไม่ฟุ้ง ไม่ต้องคอยเช็ดซ้ำ และทำความสะอาดตัวไม้กวาดได้ง่ายมาก

ส่วนใครที่ยังใช้ไม้กวาดทางมะพร้าวหรือดอกหญ้าอยู่ ก็ไม่ต้องรีบทิ้ง แค่ใช้ให้เหมาะกับพื้นที่ เช่น ทางมะพร้าวกวาดนอกบ้าน ดอกหญ้าใช้ในห้อง ก็ช่วยให้ฝุ่นน้อยลงได้เหมือนกัน แต่อยากให้รู้ไว้ว่า “ไม้กวาดดีช่วยลดฝุ่นในอากาศได้จริง” โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กหรือสัตว์เลี้ยง

ไม่ว่าจะเลือกไม้กวาดแบบไหน สิ่งสำคัญคือ “กวาดบ่อย ๆ” เพราะต่อให้ไม้กวาดดีแค่ไหน ถ้าไม่ลงมือทำ ความสะอาดก็ไม่เกิด! และถ้าอยากให้ชีวิตเบาเหมือนบ้านสะอาด ลองแบ่งเวลามาเก็บบ้านวันละนิด รับรองฝุ่นลด อารมณ์ดีขึ้นแน่นอน

ส่วนใครทำความสะอาดเสร็จแล้วอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ลองไปลุ้นโชคเบา ๆ กับเว็บ Global Lotto เว็บหวยออนไลน์ถูกกฎหมาย ที่ทั้งปลอดภัย เล่นง่าย จ่ายจริง อัตราจ่ายสูงสุดในไทย เล่นได้ทุกวันแบบไม่ต้องรอสิ้นเดือน! 

เช็ดถูบ้าน แบบไหน ลดเชื้อโรคได้จริง

เช็ดถูบ้าน

ทุกวันนี้บ้านเราไม่ได้เป็นแค่ที่พักผ่อนอย่างเดียว แต่ยังเป็นที่ทำงาน ที่เรียนออนไลน์ หรือแม้แต่เป็นที่ออกกำลังกายเล็ก ๆ ด้วยใช่ไหมล่ะ เพราะแบบนี้แหละการทำความสะอาดบ้านให้สะอาดจริง ๆ เลยสำคัญมาก

โดยเฉพาะเรื่อง เชื้อโรค ฝุ่น ไวรัส แบคทีเรีย ที่เรามองไม่เห็น แต่ดันอยู่เต็มบ้านแบบไม่รู้ตัว การ “เช็ดถูบ้าน” เลยเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ แต่จะเช็ดถูยังไงให้ได้ผลจริง ไม่ใช่แค่เอาผ้าถูไป ๆ มา ๆ ให้พื้นเงาเฉย ๆ วันนี้เรามาเล่าเคล็ดลับกัน

ทำไมต้องใส่ใจการ เช็ดถูบ้าน

หลายคนอาจคิดว่ากวาดบ้านก็พอแล้ว แต่รู้มั้ยว่าฝุ่นและเชื้อโรคมันไม่ได้หายไปไหนเลย แค่ฟุ้งขึ้นไปเกาะที่อื่นเท่านั้น พอเราเดินผ่าน หรือน้องหมาน้องแมวเดินเล่น ก็กลับมาเกาะพื้นอีกอยู่ดี ถ้าไม่เช็ดถูตาม เชื้อโรคก็สะสมยาว ๆ เสี่ยงให้คนในบ้านป่วยง่ายขึ้น โดยเฉพาะเด็กเล็กกับผู้สูงอายุที่ภูมิคุ้มกันอาจไม่แข็งแรง

การถูบ้านจึงไม่ใช่แค่ทำให้บ้านดูสะอาด แต่คือการ “ลดความเสี่ยง” ของโรคต่าง ๆ เช่น โรคทางเดินหายใจ แพ้ฝุ่น หรือแม้แต่เชื้อโรคจากเชื้อราและแบคทีเรียที่มักอยู่ตามพื้นชื้น ๆ

น้ำเปล่าอย่างเดียวพอไหม?

จริง ๆ แล้วถ้าใช้แค่น้ำเปล่าในการถูบ้าน มันก็ช่วยได้ระดับหนึ่งนะ เพราะสามารถชะล้างคราบฝุ่นหรือสิ่งสกปรกออกไป แต่จะบอกว่ามันไม่ได้ฆ่าเชื้อโรคหรอก เหมือนเราล้างมือด้วยน้ำเปล่าอย่างเดียว ยังไงก็สะอาดไม่เท่ากับล้างด้วยสบู่ใช่มั้ย? การถูบ้านก็เหมือนกัน

ถ้าอยากลดเชื้อโรคจริง ๆ ต้องมีตัวช่วย อย่างพวก น้ำยาถูพื้นฆ่าเชื้อ หรือ น้ำยาฆ่าเชื้อแบบอ่อนโยน ที่ปลอดภัยต่อเด็กและสัตว์เลี้ยง นี่แหละที่ทำให้มั่นใจได้ว่าพื้นไม่ใช่แค่สะอาดตา แต่ยังปลอดภัยจริง ๆ

น้ำยาถูบ้าน

น้ำยาถูบ้านแบบไหนดี

ทุกวันนี้น้ำยาถูบ้านมีให้เลือกเยอะมาก แต่จะเลือกยังไงดี? เอาง่าย ๆ เลย แบ่งได้เป็น 3 แบบหลัก ๆ

  1. สูตรธรรมดา – กลิ่นหอม ทำให้บ้านสดชื่น แต่ไม่ได้ฆ่าเชื้อแบบจริงจัง เหมาะกับการถูบ้านทั่วไปที่ไม่ได้สกปรกมาก
  2. สูตรฆ่าเชื้อ – อันนี้คือของจริง มีส่วนผสมที่ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้ดี เหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็ก คนสูงอายุ หรือสัตว์เลี้ยง
  3. สูตรธรรมชาติ/ออร์แกนิก – ใช้น้ำมันหอมระเหยหรือน้ำส้มสายชูช่วยฆ่าเชื้อ ปลอดภัยกว่าสำหรับคนที่แพ้ง่าย แต่ประสิทธิภาพอาจไม่แรงเท่าแบบเคมี

ถ้าเลือกได้ แนะนำใช้สูตรฆ่าเชื้ออาทิตย์ละ 2–3 ครั้ง แล้วสลับกับสูตรธรรมชาติในวันที่ถูบ่อย ๆ จะบาลานซ์ได้ทั้งสะอาดและปลอดภัย

เทคนิค เช็ดถูบ้าน ให้ลดเชื้อโรคได้จริง

หลายคนถูบ้านทุกวัน แต่ทำไมยังมีฝุ่นกับคราบเต็มไปหมด นั่นเพราะวิธีถูอาจยังไม่ถูกต้อง มาดูวิธีกัน

  • เริ่มจากกวาด/ดูดฝุ่นก่อน
    อย่าถูบ้านทันทีโดยไม่กวาดนะ เพราะจะกลายเป็นการถูฝุ่นกระจายไปทั่วแทน
  • ใช้น้ำยาผสมในสัดส่วนที่ถูกต้อง
    อย่าใส่น้ำยามากเกินไป คิดว่าจะยิ่งสะอาด แต่จริง ๆ แล้วจะเหนียวและทิ้งคราบ ทำให้พื้นดูสกปรกเร็วขึ้น
  • ถูบ้านเป็นโซน
    ไม่ควรถูวนไปมาแบบมั่ว ๆ แต่ควรถูเป็นแนวตรง หรือรูปเลข 8 เพื่อให้คราบถูกดันออกไป ไม่ฟุ้งกลับเข้ามา
  • เปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ
    น้ำในถังถูบ้านถ้าเริ่มขุ่น ต้องเปลี่ยนทันที เพราะการใช้น้ำสกปรกซ้ำ ๆ จะกลายเป็นเอาเชื้อโรคมาป้ายเพิ่ม
  • ถูบ้านให้แห้งไว
    อย่าปล่อยให้พื้นชื้น เพราะเชื้อราและแบคทีเรียชอบมาก เปิดพัดลมช่วยให้แห้งเร็วจะดีสุด

     

บริเวณไหนต้องถูบ่อยเป็นพิเศษ

บางจุดในบ้านคือแหล่งสะสมเชื้อโรคที่เรามักมองข้าม เช่น

  • หน้าประตูบ้าน – จุดนี้คือด่านแรกของฝุ่นและเชื้อโรคจากรองเท้า
  • ห้องครัว – คราบอาหาร น้ำมัน เศษอาหาร คือสวรรค์ของเชื้อโรค
  • ห้องน้ำ – ชื้นตลอดเวลา ต้องถูบ่อยพร้อมน้ำยาฆ่าเชื้อ
  • ห้องนั่งเล่น/ห้องเด็ก – เพราะเป็นที่ที่ทุกคนนั่งเล่น เด็ก ๆ คลานเล่น พื้นต้องสะอาดจริง ๆ

     

ผ้าถูบ้านก็สำคัญ

อย่าคิดว่าผ้าถูบ้านอันไหนก็ได้ ความจริงผ้าถูบ้านที่ดีควรเป็น ไมโครไฟเบอร์ เพราะเก็บฝุ่นและซับน้ำได้ดีกว่าแบบผ้าเช็ดธรรมดา และต้องซักให้สะอาดทุกครั้งหลังใช้ ไม่งั้นมันจะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคแทนที่จะช่วยทำความสะอาด

เคล็ดลับเพิ่มพลังการถูบ้าน

นอกจากใช้น้ำยาแล้ว ยังมีสูตรโฮมเมดที่ช่วยเสริมพลังฆ่าเชื้อได้ เช่น

  • น้ำส้มสายชู + น้ำ – ช่วยฆ่าเชื้อและลดกลิ่นอับ
  • น้ำมะนาว + เบกกิ้งโซดา – ลดคราบมันและกลิ่นไม่พึงประสงค์
  • น้ำมันหอมระเหยทีทรีออยล์ – มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อและทำให้บ้านหอมสดชื่น

แต่ถ้าใช้สูตรธรรมชาติ ต้องระวังไม่ให้แรงเกินไปจนพื้นด่าง โดยเฉพาะบ้านที่ปูด้วยหินอ่อนหรือไม้จริง

ความถี่ในการถูบ้าน

แล้วต้องถูบ้านบ่อยแค่ไหนถึงจะพอ? จริง ๆ แล้วขึ้นอยู่กับสภาพบ้าน แต่โดยทั่วไปคือ

  • ถูทุกวัน – ถ้าบ้านมีเด็กเล็ก สัตว์เลี้ยง หรือมีคนแพ้ฝุ่น
  • อาทิตย์ละ 2–3 ครั้ง – สำหรับบ้านทั่วไปที่ไม่ได้เลอะง่าย
  • ถูเฉพาะจุดทุกวัน + ถูใหญ่สัปดาห์ละครั้ง – วิธีนี้ฮิตมาก เพราะทำให้ไม่เหนื่อยเกินไปแต่บ้านยังสะอาด

สรุป

การเช็ดถูบ้านไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างที่หลายคนคิด เพราะมันคือการสร้าง “เกราะป้องกัน” ให้คนในบ้านห่างไกลจากเชื้อโรค วิธีที่จะช่วยให้ถูบ้านได้ผลจริงคือ เลือกน้ำยาให้เหมาะ ใช้วิธีถูที่ถูกต้อง ถูบ่อยในจุดเสี่ยง และรักษาความสะอาดของผ้าถู เพียงเท่านี้บ้านเราก็สะอาดปลอดภัย ไม่ต้องกังวลเรื่องเชื้อโรคมากวนใจแล้ว

ขอบคุณบทความดีๆจาก เว็บหวยไว จ่ายไว ปลอดภัย อ่านต่อคลิกที่นี่ >>